ในการเดินทางนอ กจากคนขับที่ต้องมีความพร้อมแล้วสิ่งที่จะต้องพร้อมและสำคัญก็คือรถยนต์ของเรานั่นเอง ควรจะมีสภาพที่พร้อมใช้งาน เพื่อความปลอ ดภั ยสะดวกในการเดินทาง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล และสิ่งที่เราต้องทำคือ การเ ช็ คจุดของรถ ซึ่งเราได้รวบรวมมาให้ดูกัน ว่าสิ่งไหนบ้างที่เราควรเ ช็ คเป็นประจำหรือก่อนออ กเดินทาง
ก่อนเดินทางไกลนั้น ผู้ขับขี่จะต้องขับขี่อ ย่ า ง ป ล อ ด ภั ย เ ช็ คความพร้อมของร่างกายไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนให้ครบ 8 ชั่ วโมง ขับขี่ต ามกฎจราจร ไม่ขับรถเร็วเกินไป หรือถ้าหากง่วงก็อ ย่ า ฝืนให้หาที่จอ ดที่ปลอ ดภั ยอ ย่ า งปั๊มน้ำมัน เพื่อพักสายต าก่อนดีกว่า หรือแม้แต่ดื่ มวิต ามินซีแทนการดื่ มกาแฟ เป็นต้น การตรวจสอบเ ช็ คสภาพของยวดย า นพาหนะก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อความปลอ ดภั ย และไม่เกิดปัญหากลางทาง ซึ่งอาจส่งผลเ สี ยต่อทั้งตนเอง ผู้โดยส า รและท รั พ ย์สินอีกด้วย ดังนั้น 12 จุดสำคัญของรถที่ต้องเช็ดให้แน่ใจก่อนจะออ กเดินทาง มีดังนี้
1 แตรรถ
แตรรถที่หล า ยคนอาจมองข้ามไป เพราะไม่ค่อยได้ใช้งาน เลยมักจะไม่ค่อยได้เ ช็ ค ดังนั้นให้เ ช็ คว่าแตรรถยังมีเ สี ยงดังดีหรือไม่ เพราะแตรรถจะเป็นตัวช่วยแจ้งให้ผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันได้ทราบถึงสัญญาณต่างๆ ได้ด้วย
2 ที่ปัดน้ำฝน
ย า งปัดน้ำฝนส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 6-12 เดือน แล้วแต่การใช้งานและสภาพแวดล้อม หากย า งปัดน้ำฝนเสื่อมจะทำให้เมื่อเกิดฝนตก ย า ง ปัดน้ำฝนจะทำงานได้ไม่ดีนัก ทำให้ทัศนวิสัยแ ย่ ล ง ดั้งนั้นให้หมั่นตรวจสอบอยู่อ ย่ า ง ส ม่ำเสมอด้วย
3 แบตเตอรี่รถและระบบสายไฟภายในห้องเครื่อง
เป็นสิ่งสำคัญเรียกได้ว่าเป็นหั ว ใ จของย า นพาหนะ โดยตรวจสอบแบตเตอรี่ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ เพราะหากแบตเตอรี่หมดกลางทาง ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ รวมถึงระบบสายไฟต่างๆ ในห้องเครื่องว่าปกติดีหรือไม่ด้วย
4 ระบบไฟ
ตรวจสอบทั้งไฟหน้า ไฟหลัง ไฟเลี้ยงต่างๆ ของตัวรถ เพราะเมื่อถึงเวลากลางคืน ไฟส่องสว่างเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยนำทางให้ รวมถึงไฟฉุ ก เ ฉิ น ไฟตัดหมอ กของตัวรถอีกด้วย
5 ระบบปรับอากาศ
เป็นระบบปรับอากาศหรือแอร์ทั้งภายในห้องโดย ส ารและห้องเครื่อง อ ย่ า งใบพัดในห้องเครื่อง เพราะถ้าหากแอร์ในห้องโดยส ารไม่เย็น คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ยิ่งหากเจอ กับอากาศร้อนๆ ของบ้านเราด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หงุดหงิดได้ ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบระบบปรับอากาศ และหมั่นเปลี่ยนตัวกรองอากาศทุกๆ 1 หมื่นกิโลเมตร เพื่ออากาศบริสุทธิ์อีกด้วย
6 ย า งรถยนต์
เป็นเหมือนขาที่สามารถพาไปได้ยังที่ต่าง มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยให้หมั่นตรวจสอบลมย า งเป็นประจำอ ย่ า งสม่ำเสมอ รวมถึงด อ กย า ง ว่ าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ด้วย
7 อะไหล่สำรอง
เป็นเหมือนการเตรียมพร้อม หากต้องเจอ กับภาวะฉุ กเ ฉิ นเช่น ย าง รถสำรอง แม่แ ร ง เป็นต้น
8 น้ำมันเครื่อง
สามารถตรวจเ ช็ คได้ที่ห้องเครื่องจากก้านวัดน้ำมันเครื่อง อีกทั้งควรมีน้ำมันเครื่องติดรถสำรองไว้อ ย่ า งน้อย 1 ลิตร และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถทุก 10,000 กิโลเมตรด้วย
9 น้ำมันเบรก
เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรตรวจสอบอยู่เสมอ เพราะหากน้ำมันเบรกไม่พอ หรือหมดในขณะที่ขับขี่อาจส่งผลร้ า ย ถึงขนาดระบบเบรกไม่ทำงาน หรือเบรกแตก จำควรหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอด้วย
10 สายรัดเข็มขัดนิรภั ย
ตรวจเ ช็ คว่าสายรัดเข็มขัดนิร ภั ยยังใช้งานได้ปกติหรือไม่ เพราะเป็นเหมือนตัวช่วยสำคัญหากเมื่อเกิดเหตุ ฉุ ก เ ฉิ นอีกด้วย
11 ระบบเบรก
ครอบคลุมทั้งน้ำมันเบรก ผ้าเบรกและการทำงานของเบรก ดังนั้น หมั่นตรวจสอบโดยให้ทดลองขับรถบนทางโล่งๆ ด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่ วโมง แล้วให้เหยียบเบรกเต็มแ ร ง หากรู้สึกมีแ ร งสะท้านแบบถี่ๆ หมายถึงระบบเบรกยังใช้งานได้ต ามปกติ แต่ถ้าหากเกิดเ สี ยงเอี๊ยดอ๊าดขึ้น มา แสดงว่าระบบเบรกกำลังมีปัญหาดังนั้น ให้นำเข้าไปอู่ให้ช่างตรวจสอบ
12 ระบบน้ำ
หม้อน้ำรถเป็นอีกสิ่งที่ต้องตรวจสอบอยู่สม่ำเสมอ โดยให้ตรวจดูว่าอยู่ในระดับที่กำหนดไว้หรือไม่ รวมถึงมีเศษสิ่งสกปรกตกลงไปในหม้อน้ำด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ต้องตรวจตอนที่ยังไม่ได้สต าร์ทรถ และไม่ควรทำตอนที่เครื่องยนต์มีความร้อนอยู่ด้วย
12 สิ่งเหล่านี้ ควรหมั่นตรวจสอบให้เป็นประจำจนเป็นนิสัย เพราะจะทำให้มั่นใจในการขับขี่ได้มากขึ้น และยังป ล อ ด ภั ยในทุกเส้นทางการเดินทางอีกด้วย
ที่มา krustory