ด้วยสภาพสังคมอันวุ่นวายและซับซ้อนในปัจจุบันคงทำให้คุณพ่อคุณแม่หล า ยครอบครัวกลับมาตั้งคำถามว่า เราจะเลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นไปอย่างเข้มแข็งและมีความสุขได้อย่างไร เ พ ร า ะการเลี้ยงลูกในยุคนี้ ดูเหมือนจะใช้ความรักเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมี ธรรมะ เป็นหลักปฏิบัติ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้ลูกพร้อมรับมือ กับทุกความเปลี่ยนแปลงของชีวิตและปรับตัวเข้ากับสังคมรอบด้าน
เ ท ค นิ คแรกคือ เป็นแบบอย่าง ที่ดีของลูก
เมื่อเราอย ากให้ลูกของเราเป็นคนที่มีความคิดบวก เราก็ต้องแสดงความคิดบวกของเรา ให้ลูกได้เห็นด้วย ซึ่งลูกยังไงก็ต้องเห็นสิ่งที่พ่อแม่ตัวเองทำและเกิดเป็นพฤติก ร ร ม แสดงออ กมาให้เห็น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงและการปฏิบัติตัวของพ่อแม่อีกด้วย
เ ท ค นิ คที่สองคือ ชื่นชมลูก เมื่อเข้าปฏิบัติดี
คำชื่นชมไม่ว่าจะออ กมาจากปากใครก็ต ามแต่คำชื่นชมที่ออ กมา จากปากของ คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ของลูกนั้นย่อมดีต่อใจของลูกเสมอเป็นอีกวิ ธีที่แอดบอ กเลยว่า สามารถสร้างความคิดที่บวกและ พ ลั งบวกให้กับลูกเราได้เสมอ
เ ท ค นิ คที่สามคือ ใส่ใจและฟังลูก
เป็นอีกอย่างที่เมื่อลูก เราได้ไปพบเจอสิ่งใหม่ๆจะ อย าก นำกลับมาเล่าให้ คนเป็นพ่อเป็นแม่ฟังเสมอ การที่เราตั้งใจฟังเวลาที่ลูกเล่าเรื่อง ก็เป็นอีกวิ ธีที่ แสดงถึงความใส่ใจของเราที่มีต่อลูกซึ่งก็เป็นการปลูกฝังให้ลูกเราตั้งใจฟัง คนอื่นพูดเช่นกัน ดีต่อใจและสร้างความคิดบวกให้ลูกได้แน่นอน
เ ท ค นิ คที่สี่คือ ทำให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองสำคัญและไม่ถูกละเลย
เป็นอีกอย่าง ที่จะสร้างความคิดบวกให้ลูกได้เมื่อลูกได้รับพ ลั งบวกหรือได้อยู่ในที่ ที่ตัวเองรู้สึกมีตัวตน สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่นั้นเองทั้งหมด ก็เป็นเ ท ค นิ คการ สอนลูกให้คิดบวก ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ลูกมีความคิดบวกและเป็นคนที่ดี มีคุณภาพต่อสังคม แถมถ้าลูกมีนิสัยดีนอ กจากจะเป็นที่รักของพ่อแม่และยังสามารถที่ จะเป็นที่รักของคน รอบข้างได้อีกด้วย
ที่มา u f o i d fahhsai amarinbabyandkids
